ไทรทันโฉมใหม่พร้อมทวงแชร์ตลาดปิกอัพทั่วโลก

By:Maxmotorthailand

มิตซูฯคอป์เผยโฉมปิกอัพไทรทันโฉมใหม่ที่ประเทศไทยวันนี้(26กรกฎาคม2566) จัดทัพสายการผลิตเต็บสูบปีละ200,000คัน ส่งขายทั่วโลก เริ่มจากประเทศไทยก่อน พร้อมเตรียมเปิดตัวในภูมิภาคอาเซียน และโอเชียเนีย อีกทั้งยังมีกำหนดวางจำหน่ายในประเทศญี่ปุ่นเป็นครั้งแรกในรอบ 12 ปี ในช่วงต้นปี 2567
มั่นใจการออกแบบ ไทรทัน ปิกอัพขนาด 1 ตัน เจนเนอเรช้่น 6 ที่โดดเด่นทั้งภายนอกและภายใน ทั้งการพัฒนาเฟรมหรือโครงรถใหม่ แชสซีส์ใหม่ ช่วงล่างใหม่ และเครื่องยนต์ใหม่ ภายใต้แนวคิด “พลังแกร่งคู่ใจสายลุย” (Power for Adventure) จะสามารถตอบสนองความต้องการผู้บริโภคกว่า 150 ประเทศทั่วโลก ขณะที่ในประเทศไทยตั้งเป้าปั้นส่วนแบ่งตลาดให้ได้มากกว่า 10%

นายทาคาโอะ คาโตะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส คอร์ปอเรชั่น เปิดเผยในงานงานเวิลด์พรีเมียร์ ออลนิวไทรทัน ที่กรุงเทพฯ ประเทศไทยว ว่า “เราพัฒนาออล-นิว ไทรทัน ที่หลอมรวมความเป็น “ที่สุด” แห่งดีเอ็นเอของมิตซูบิชิ มอเตอร์ส (Mitsubishi Motors-ness) เพื่อให้ตอบโจทย์ความเป็นรถระบะสำหรับคนยุคใหม่ โดยในทุกฟีเจอร์หลักของออล-นิว ไทรทัน ได้รับการพัฒนาขึ้นจากเทคโนโลยีสุดล้ำเอกสิทธิ์เฉพาะของมิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประกอบด้วย เฟรม ตัวถัง และแชสซีส์ที่แข็งแกร่งทนทาน เครื่องยนต์ที่ทรงพลังและตอบสนองได้ดังใจ รวมถึงระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ที่ให้สมรรถนะการขับขี่ที่ดีเยี่ยม”




ด้วยเป้าหมายการผลิตสูงสุด 200,000 คัน เพื่อจำหน่ายในมากกว่า 100 ประเทศทั่วโลก ทำให้ ออล-นิว
ไทรทัน นับเป็นยานยนต์รุ่นสำคัญ เป็นขุมพลังขับเคลื่อน มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ในฐานะรถยนต์เชิงกลยุทธ์ระดับโลกรุ่นแรก ซึ่งเปิดตัวในยุคแห่งการเติบโต ขอให้ทุกท่านติดตามทุกย่างก้าวของมิตซูบิชิที่มุ่งสู่เป้าหมายอันยิ่งใหญ่ นับจากวันนี้ นายคาโตะ กล่าว


ด้านนายเออิอิชิ โคอิโตะ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ปิกอัพไทรทันโฉมใหม่เริ่มวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการในวันนี้(26 กรกฎาคม2566) ณ โชว์รูมมิตซูบิชิ มอเตอร์ส ทั่วประเทศ โดยจะเริ่มจาก รุ่นซิงเกิ้ล แค็บ ยกสูง ขับเคลื่อน 4 ล้อ ราคาจำหน่ายเริ่มต้นที่ 699,000 บาท,รุ่นดับเบิ้ล แค็บ ยกสูง ขับเคลื่อน 2 ล้อ ราคาจำหน่ายเริ่มต้นที่ 820,000 บาท และรุ่นดับเบิ้ล แค็บ ยกสูง ขับเคลื่อน 4 ล้อ ราคาจำหน่ายเริ่มต้นที่ 1,016,000 บาท ซึ่งจะมีทั้งรุ่นเกียร์ธรรมดา 6 สปีด และเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด




ส่วนในตัวถังเมกะ แค็บ จะทยอยจำหน่ายหลังจากนี้ ซึ่งมิตซูบิชิยังไม่เปิดเผยวันที่แน่นอน แต่ให้ความม้่นใจว่าจะเปิดจำหน่ายพร้อมประกาศราคาภายในปีงบประมาณ 2023 หรือก่อนเดือนเมษายน 2567
ออลนิว มิตซูบิชิไทรทัน เจนเนอเรชั่นที่ 6 ออกแบบออกแบบด้านหน้าตัวรถอันเป็นเอกลักษณ์ ไดนามิค ชิลด์ (Dynamic Shield) สะท้อนถึงสมรรถนะอันทรงพลัง มีกระจังหน้าและซุ้มล้อแบบสามมิติที่ดุดัน พร้อมกันชนหน้าที่ออกแบบเพื่อเน้นย้ำรูปทรงสะท้อนถึงพลังที่อัดแน่น เสริมด้วยไฟส่องสว่างเวลากลางวันแบบ LED ดีไซน์โฉบเฉี่ยวดุจสายตาเหยี่ยว


ขณะที่กระบะท้ายได้รับการออกแบบให้มีพื้นที่กว้างขวางมากยิ่งขึ้น ตอบรับทุกการใช้งาน มั่นใจทุกการบรรทุกได้อย่างเต็มพิกัด ทุกอณูของการออกแบบได้สะท้อนความแข็งแกร่ง จากด้านหน้าจรดท้าย เสริมด้วยไฟท้ายรูปตัว T (T-shaped LED) ทั้งสองฝั่ง แสดงถึงความกว้างขวาง พร้อมสะท้อนความหนักแน่นแข็งแกร่ง

ขณะที่ในส่วนกระบะตอนท้าย ได้รับการออกแบบให้ระยะความสูงของกระบะจากพื้น ต่ำลงจากรุ่นก่อน 45 มิลลิเมตร อยู่ที่ 820 มิลลิเมตร พร้อมขยายพื้นที่ด้านบนของมุมกันชนหลังให้ใหญ่ขึ้น และเสริมความแข็งแรงด้วยเฟรมเพื่อให้วางเท้าและก้าวขึ้นกระบะได้อย่างสะดวกมากขึ้น
การออกแบบภายในห้องโดยสารและแผงควบคุม ภายใต้แนวคิด Horizontal Axis ด้วยเส้นตรงแนวราบและรูปทรงที่แข็งแกร่ง คำนึงถึงประสบการณ์ในการใช้งานด้วยความใส่ใจในทุกรายละเอียด ภายในห้องโดยสารมีการออกแบบด้วยรูปทรงเรขาคณิตและใช้วัสดุคุณภาพสูง พร้อมตกแต่งด้วยวัสดุบุนุ่ม ซึ่งช่วยเพิ่มความรู้สึกถึงการปกป้อง เสริมความสะดวกสบายในการใช้งานหลากหลายรูปแบบ และตกแต่งด้วยโครเมียมในหลายส่วนเพื่อสร้างบรรยากาศที่ทันสมัย แสงถึงความใส่ใจในทุกการออกแบบอย่างประณีต




จอแสดงผลเน้นการมองเห็นได้ชัดเจน โดยชุดมาตรวัดและสวิตช์ควบคุมต่างๆ ได้รับการออกแบบให้มองเห็นได้อย่างโดดเด่น และควบคุมได้สะดวกง่ายดายแม้ในขณะที่สวมถุงมือหนา ทั้งพวงมาลัย ก้านจับ และมือจับเปิดประตู ล้วนได้รับการออกแบบภายใต้แนวคิด “มิตซูบิชิ ทัช” (Mitsubishi Touch) ซึ่งมุ่งเน้นที่ความสะดวกสบายในการหยิบจับได้อย่างกระชับมือ
ในส่วนของระบบความปลอดภัย มีการใช้เทคโนโลยีไดมอนด์ เซนส์ (Diamond Sense) อัดแน่นด้วยเทคโนโลยีความปลอดภัยขั้นสูงสุด อาทิ ระบบเตือนการชนด้านหน้าตรง พร้อมระบบช่วยชะลอความเร็ว (Forward Collision Mitigation system: FCM) ,ระบบสัญญาณเตือนจุดอับสายตา (Blind Spot Warning: BSW) พร้อมระบบสัญญาณเตือนขณะเปลี่ยนเลน (Lane Change Assist: LCA), และระบบเตือนด้านหลังขณะถอยออกจากช่องจอด (Rear Cross Traffic Alert: RCTA) เป็นต้น

สำหรับเครื่องยนต์และสมรรถนะนั้น ออลนิว ไทรทัน 2023 ใช้เครื่องยนต์ขนาดเดียวคือ ดีเซล 2.4 ลิตร แต่จะมีการปรับแต่งเครื่องยนต์เพื่อเพิ่มสมรรถนะให้แตกต่างกันในแต่ละรุ่นย่อย ซึ่งประกอบด้วยขนาดกำลังสูงสุด 110 กิโลวัตต์, 135 กิโลวัตต์ และ 150 กิโลวัตต์หรือ 204 แรงม้า




ในการจำหน่ายรุ่นแรกในประเทศไทยคือเครื่องยนต์ขนาดกำลังสูงสุด 135 กิโลวัตต์หรือประมาณ 180 แรงม้าที่ 3,500 รอบต่อนาที หรือ (อัตราเทียบ 1 กิโลวัตต์เท่ากับ 1.3410218586563 แรงม้า) แรงบิดสูงสุด 430 นิวตันเมตรที่ 2,250-2,500 รอบต่อนาที


ที่มาภาพ:บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด
ในขณะเดียวกัน บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ประเทศไทย จำกัด เปิดเผยตัวเลขยอดจำหน่ายรถยนตในประเทศไทยช่วง 6 เดือนแรกของปี(มกราคม-มิถุนายน 2566) มีจำนวนทั้งสิ้น 406,131 คัน เทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2565 คิดเป็นสัดส่วนลดลง 5% ในเซ็กเมนท์ปิกอัพขนาด 1 ตัน มียอดขายรวมกัน 182,952 คัน เทียบกับปี 2565 ลดลง 19.7%
3 อันดับแรกยอดขาย ปิกอัพขนาด 1 ตัน รวมรถปิกอัพดัดแปลง ได้แก่ อีซูซุ 78,633 คัน ลดลง 22.5% ส่วนแบ่งตลาด 43.0% อันดับ 2 โตโยต้า 70,544 คัน ลดลง 20.9% ส่วนแบ่งตลาด 38.6% และอันดับ 3 คือ ฟอร์ด 20,117 คัน เพิ่มขึ้น 35.0% ส่วนแบ่งตลาด 11.0%
นายโนริอากิ ยามาชิตะ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด ได้ประเมินแนวโน้มตลาดรถยนต์ของปี 2566 ว่า มีปัจจัยในหลาย ๆ ด้าน ทั้งการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยวที่ทำให้การบริโภคของภาคเอกชนและภาคบริการมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น อัตราเงินเฟ้อที่ชะลอตัวลดลง การสนับสนุนการลงทุนจากทั้งภาครัฐและเอกชนในโครงการต่าง ๆ ตลอดจนการแนะนำรถยนต์รุ่นใหม่และแคมเปญส่งเสริมการขายจากค่ายรถต่าง ๆ
ในช่วงครึ่งปีหลัง จะส่งผลต่อทิศทางของเศรษฐกิจและตลาดรถยนต์โดยรวม เชื่อว่าเศรษฐกิจในช่วงครึ่งปีหลังนี้น่าจะยังคงฟื้นตัวไปในทิศทางที่ดีขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไป ดังนั้นโตโยต้าจึงคาดการณ์ว่ายอดขายรถยนต์ในปี 2566 จะอยู่ที่ 855,000 คัน เพิ่มขึ้น 0.7% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา