Maxmotor News

ฮอนด้าWR-Vลุยได้ลุยดี

By:กองบรรณาธิการ Maxmotor

ถ้าตอนนี้คุณใช้รถยนต์ขนาดอีโคคาร์ หรือซับคอมแพ็กต์ แล้วถึงเวลาต้องเปลี่ยน หรือต้องการใช้รถยนต์ที่มีขนาดใหญ่ขึ้นกว่าเดิม ราคาไม่หนักจนเกินไป เป็นแบรนด์มีความน่าเชื่อถือ มีศูนย์บริการครอบคลุม และค่าบำรุกรักษาไม่โหด ฮอนด้า WR-V คันนี้ น่าจะตอบโจทย์ได้ในระดับหนึ่ง

            WR-V คือรถยนต์ในกลุ่มครอสโอเวอร์ ซึ่งรวมคุณสมบัติของรถยนต์แบบเอนกประสงค์และเอสยูวี เข้าด้วยกัน เปิดตัวเมื่อต้นปี 2566 นี้เอง ทำให้เรื่องหน้าตา ความสดใหม่ ไม่แพ้ใคร ในราคารุ่น SV เริ่มต้น 799,000 บาทและ RS ราค 869,000 บาท

            ด้วยคุณสมบัติของรถยนต์กลุ่มครอสโอเวอร์ แบบ 5 ประตู ทำให้คุณสามารถใช้งานรถยนต์คันนี้ เดินทางได้หลายรูปแบบ ถ้าประเภทใช้รถยนต์คนเดียว ไม่ยุ่ง ไม่เกี่ยวใคร มันจะให้พื้นที่บรรทุก หรือเก็บสัมภาระได้อยากมากมาย พร้อมกับความสามารถในการลุยกับสภาพถนน ทั้งทางราดยาง หรือคอนกรีต หรือทางฝุ่นได้ดีกว่ารถยนต์แบบเก๋ง ด้วยความสูงที่มากกว่านั้นเอง 

            โดยเฉพาะช่วงล่างด้านหลัง ทอร์ชันบีมแบบ H-shape แบบเดียวกับที่ติดตั้งในฮอนด้า HR-V ค่อนข้างให้ความมั่นคง และแข็งกว่ารถยนต์แบบเก๋ง ที่ใช้ช่วงล่างแบบ มัลติลิงค์ อิสระ พร้อมเหล็กกันโคลง

            เครื่องยนต์เบนซินขนาด 1,499 ซีซี. ดับเบิลโอเวอร์เฮดแคมชาฟท์หรือDOHC 4 สูบ 16 วาล์ว i-VTEC หัวฉีดอิเล็กทรอนิกส์ ให้กำลังสูงสุด 121 แรงม้า ที่ 6,600 รอบต่อนาที และแรงบิดสูงสุด 145 นิวตันเมตร ที่ 4,300 รอบต่อนาที

            สเป็กเครื่องยนต์ขนาดราวๆ 1.5 ลิตร ถือเป็นขนาดยอดนิยมของฮอนด้าในปัจจุบัน เพราะมันยังถูกนำมาติดตั้งระบบอัดอากาศหรือ เทอร์โบ เพื่อเพิ่มกำลัง และสมรรถนะแรงบิด แล้วใช้กับรถยนต์รุ่นใหญ่ๆ ทั้งซีวิค แอคคอร์ด หรือแม้แต่ CR-V

            เครื่องยนต์ขนาดกระบอกสูบนี้ ถูกใช้กับรถยนต์ฮอนด้ามาตั้งแต่ฮอนด้า แจ๊ส และซิตี้ ตั้งแต่โฉมแรกๆ ในเมืองไทย เพราะฉะนั้นต้องถือว่า ฮอนด้ามีความชำนาญในการผลิต เครื่องยนตบล๊อกนี้อย่างมาก ซึ่งในแต่ละเจนเนอเรชั่นของเครื่องยนต์ จะมีการพัฒนาระบบหัวฉีด และการเผาไหม้ เพื่อให้ได้กำลัง และความประหยัดควบคู่กันไปตาม คอนเซ็ปต์และบุคลิกของรถยนต์ฮอนด้าแต่ละรุ่น

            เพราะฉะนั้นมากันที่ WR-V กับเครื่องยนต์ 1.5 ลิตร i-VTEC 122 แรงม้าตัวนี้ จึงถือว่า เป็นครอสโอเวอร์ที่มากับเครื่องยนต์เป็นที่ยอมรับ และด้วยเรื่องของจำนวนการผลิตที่มากมาย ทำให้มันมีต้นทุนที่ต่ำ ส่งผลถึงเรื่องของอะไหล่ ซ่อมบำรุง ราคาต่ำลงมากกว่านั่นเอง และหากจะต้องใช้รถยนต์รุ่นนี้นานมากกว่า 10 ปี ก็ไม่ต้องกังวงเรื่องอะไหล่เครื่องยนต์

            ส่วนการขับขี่ ยอมรับว่า ฮอนด้า ยุคปัจจุบัน พัฒนาระบบควบคุมพวงมาลัยได้ดีขึ้นมาก ขับได้มั่นในมากในการใช้ความเร็วสูง ซึ่งแน่นอนว่า รถในยุคปัจจุบันมีความแรงมากขึ้น การใช้ความเร็วสูงเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้

            ที่ความเร็วระดับ 90-120 กิโลเมตรต่อชั่วโมง พวงมาลัย แร็ก แอนด์ พิเนียน พร้อมเพาเวอร์ผ่อนแรงแบบไฟฟ้า มีการปรับให้สมดุลมากขึ้น และที่ความเร็วสูงกว่านี้ ถือว่าไม่ค่อยกังวลสักเท่าไร เพียงแต่ด้วยความสูงของตัวรถที่มากกว่ารถประเภทเก๋ง ทำให้มันไม่เหมาะจะขับเร็วมากมาย ยาวนานอะไรมากนัก ยิ่งถ้าต้องเจอกับลมปะทะด้านข้าง การขับความเร็วสูงมาก รถจะออกอาการบ้างเป็นเรื่องปกติ

            เรื่องการการเก็บเสียง รบกวนจากภายนอก ฮอนด้า WR-V ได้คะแนนค่อนข้างดี แต่ที่ความเร็วสูง เสียงลมย่อมมีมากกว่าปกติ

            ในเรื่องความประหยัด ทีมงาน Maxmotor ทดสอบด้วยการใช้งานแบบปกติทั่วไปคือ ทั้งการใช้งานในเมือง และเดินทางออกต่างจังหวัด มีทั้งการจราจรติดขัด เส้นทางโล่งๆ ความเร็วสูง ระยะเวลาใช้งานราวๆ 1 สัปดาห์ อัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 13 กิโลเมตรต่อลิตร

            อัตราสิ้นเปลืองอาจจะดีกว่านี้ หรือแย่กว่านี้ ต้องขึ้นอยู่กับพฤกติกรรมการใช้รถของแต่ละบุคคล ซึ่งคาดว่า หากขับแบบเนียนๆ กดคันแร่งไม่หนัก ขับแบบถนอมรถสักหน่อย 15-16 กิโลเมตรต่อลิตรก็อาจจะทำได้สำหรับรถคันนี้ แต่หากขับแบบหนัก เร่งๆ เบรกๆ เร็วทะลุเกียร์อันนี้ต่ำกว่า 10 กิโลเมตตต่อลิตรได้เห็นแน่นอน

            อย่างไรก็ดีภาพรวมของ WR-V น่าจะเป็นทางเลือกของคนที่อยากขยับจากรถขนาดเล็กๆ ใช้ประโยชน์จากขนาดความจุ และการใช้งานที่ลุยได้มากกว่าเก๋ง คงพอจะตอบสนองได้ ส่วนใครจะเอาไปเทียบกับรถกลุ่ม BEV หรือรถพลังงงานไฟฟ้า คงต้องบอกว่า แม้บางรุ่นราคาจะใกล้กัน แต่รถที่ใช้เครื่องยนต์สันดาปภานใน ยังคงมีคุณสมบัติที่เด่นกว่าในการใช้งาน และเดินทางในยุคนี้

Related Articles

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

Back to top button

Adblock Detected

Please consider supporting us by disabling your ad blocker