ฮอนด้าปรับหน้าตาซิตี้รักษาฐานตลาดรถเล็ก
By:Maxmotorthailand
ถ้าเป็นสถานการณ์ปกติรถยนต์นั่งแบรนด์ญี่ปุ่นแต่ละโมเดล แต่ละรุ่นจะมีอายุในการทำตลาดประมาณ 4-5 ปี และมีการปรับโฉมแบบไมเนอร์เชนจ์หลักการเปิดตัวประมาณ 2 ปีเศษๆ สำหรับฮอนด้า ซิตี้ เจนเนอเรชั่นที่ 7 นี้ ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) เปิดตัวอย่างเป็นทางการเมื่อปลายปี 2562 และเมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม 2563 ซิตี้ มีการปรับโฉมแบบไมเนอร์เชนจ์ กระจังหน้า กันชนหน้า กันชนหลัง และล้ออัลลอยดีไซน์ใหม่ เพื่อเสริมความสปอร์ตพรีเมียมยิ่งขึ้น
อาจจะพูดได้ว่า ซิตี้ ไมเนอร์เชนจ์ค่อนข้างเร็วกว่าปกติ น่าจะด้วยสถานกาณ์ตลาดรถยนต์เมืองไทยปัจจุบัน เริ่มเปลี่ยนแปลงเร็วขึ้น ทั้งการขยายตัวและเข้ามาของตลาดรถพลังงานไฟฟ้า ขนาดเล็ก จากจีน ซึ่งราคาค่อนข้างต่ำ และเป็นรถที่จะเข้ามาชิงพื้นที่ตลาดรถยนต์นั่งขนาดอีโคคาร์ และซับคอมแพ็กต์ ราคาประมาณ 5-8แสน
นายฮิเดโอะ คาวาซากะ ประธานกรรมการบริหารและซีอีโอ บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า เป็นเวลาเกือบ 3 ทศวรรษที่ ฮอนด้า ซิตี้ ได้สร้างมาตรฐานใหม่ให้กับซิตี้คาร์ในประเทศไทยมาอย่างต่อเนื่อง และได้รับกระแสตอบรับที่ดีจากลูกค้ามาโดยตลอด ด้วยยอดขายสะสมเกือบ 800,000 คัน นับตั้งแต่เปิดตัวครั้งแรกในประเทศไทย ทำให้ ฮอนด้า ซิตี้ เป็นแบรนด์ยอดนิยมที่อยู่ในใจลูกค้าเสมอมา ในวันนี้ผมเชื่อมั่นว่า ฮอนด้า ซิตี้ ใหม่ ได้ปรับโฉมใหม่ ด้วยดีไซน์ภายนอกที่เสริมความสปอร์ตพรีเมียมยิ่งขึ้น และภายในที่กว้างขวาง สะดวกสบายในทุกที่นั่ง
โดยรุ่น e:HEV จะมอบประสบการณ์การขับขี่ที่ยอดเยี่ยมในชีวิตประจำวันให้กับลูกค้าได้อย่างไร้กังวล และยังให้อัตราการประหยัดน้ำมันที่ดีเยี่ยม และรุ่น TURBO ที่พร้อมตอบโจทย์การใช้งานด้วยการขับขี่ที่แรง เร้าใจ และสะดวกสบายเกินคลาส โดยทุกรุ่นย่อยยังมาพร้อมเทคโนโลยีความปลอดภัยอัจฉริยะ Honda SENSING ซึ่งเมื่อลูกค้าได้สัมผัส ฮอนด้า ซิตี้ ใหม่ จะต้องประทับใจในความครบครันของรถซิตี้คาร์รุ่นนี้อย่างแน่นอน
ทั้งนี้ ซิตี้ใหม่ มาพร้อมคุณค่าที่ยกระดับซิตี้คาร์ไปอีกขั้น กับ 2 ขุมพลังทางเลือก เพื่อตอบโจทย์การขับขี่ที่ลงตัวกับทุกไลฟ์สไตล์ อีกทั้งยังขับสนุกและประหยัดน้ำมัน ติดตั้ง Honda SENSING ในทุกรุ่นย่อย เพิ่มเติมฟังก์ชันใหม่ ด้วยระบบปรับความเร็วตามรถยนต์คันหน้าที่ความเร็วต่ำ (with Low-Speed Follow: with LSF) เฉพาะในรุ่น e:HEV SV และ e:HEV RS
ระบบความปลอดภัย ให้มาครบตามมาตรฐานฮอนด้า อาทิ ระบบแสดงภาพมุมอับสายตาขณะเปลี่ยนเลน (Honda LaneWatch), ระบบล็อกรถอัตโนมัติเมื่อกุญแจรีโมทอยู่ห่างจากตัวรถ (Walk Away Auto Lock), ถุงลม
6 ตำแหน่ง, กล้องส่องภาพด้านหลังปรับมุมมอง 3 ระดับ (Multi-Angle Rearview Camera) และไฟเตือน
เบาะนั่งด้านหลัง (Rear Seat Reminder) เป็นต้น
ภายนอกที่ระบุว่า ซิตี้ใหม่ มีความสปอร์ตพรีเมียมรอบคัน คือ กันชนหน้า กันชนหลัง สเกิร์ตข้าง สปอยเลอร์หลัง และกระจังหน้าสไตล์สปอร์ตแบบ RS ดีไซน์ภายในกว้างขวาง โปร่งโล่ง เสริมลุคสปอร์ตพรีเมียมใหม่กับเส้นสายสีแดงภายใน มาพร้อมระบบเครื่องเสียงหน้าจอสัมผัสขนาด 8 นิ้ว แบบ Advanced Touch รองรับการเชื่อมต่อ Apple CarPlay และ Android Auto แบบไร้สายที่เชื่อมต่อง่ายในไม่กี่ขั้นตอน ระบบปรับอากาศอัตโนมัติพร้อมช่องปรับอากาศตอนหลัง ช่องเชื่อมต่อ USB ด้านหลังแบบ Type-C 2 ตำแหน่ง ระบบสตาร์ทเครื่องยนต์พร้อมเครื่องปรับอากาศด้วยกุญแจรีโมท (Remote Engine Start)
สำหรับเครื่องยนต์ยังคงมี 2 แบบคือ e:HEV เป็นการทำงานร่วมกันของมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว กับเครื่องยนต์ขนาด 1.5 ลิตร Atkinson Cycle DOHC i-VTEC 4 สูบ 16 วาล์ว กำลังสูงสุด 98 แรงม้า พร้อมระบบเกียร์อัตโนมัติอัตราทดแปรผันต่อเนื่องไฟฟ้า (E-CVT) และ แบตเตอรี่ลิเธียม-ไอออน กำลังสูงสุด 109 แรงบิดสูงสุดที่ 253 นิวตัน-เมตร ที่ 0 – 3,000 รอบต่อนาที มีอัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เพียง 83 กรัม/กิโลเมตร รองรับพลังงานทางเลือก E20
และเครื่องยนต์เบนซินขนาด 1.0 ลิตร DOHC VTEC TURBO 3 สูบ 12 วาล์ว พร้อม Turbo Charger มอบกำลังสูงสุด 122 แรงม้า ที่ 5,500 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 173 นิวตัน-เมตร ที่ 2,000 – 4,500 รอบต่อนาที เกียร์อัตโนมัติอัตราทดแปรผันต่อเนื่อง (CVT) ให้อัตราเร่งและอัตราการประหยัดน้ำมันที่ดีเยี่ยมสูงถึง 23.8 กิโลเมตร/ลิตร มีอัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่ 99 กรัม/กิโลเมตร และสามารถรองรับพลังงานทางเลือก E20
ราคาของซิตี้ ไมเนอร์เชนจ์ครั้งนี้ประกอบด้วย 5 รุ่นย่อย e:HEV RS ราคา 839,000 บาท,e:HEV SV ราคา 769,000 บาท,RS ราคา 749,000 บาท, SV ราคา 679,000 บาท และรุ่น V ราคา 629,000 บาท