มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด ส่งออลนิวไทรทัน เครื่องยนต์ตัวท้อป “ไฮเปอร์พาวเวอร์ เอ็กซ์ทู” (Hyper Power X2) กำลังสูงสุด 204 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 470 นิวตันเมตร พร้อมรุ่นพิเศษ แอทลีท แต่งสไตล์สปอร์ต โดดเด่นทั้งภายนอกและภายใน
กำหนดราคาเบื้องต้น ออล-นิว ไทรทัน ดับเบิ้ล แค็บ อัลตร้า ขับเคลื่อน 4 ล้อ เครื่องยนต์ ไฮเปอร์พาวเวอร์ (Hyper Power) กำลังสูงสุด 184 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 430 นิวตันเมตร เกียร์อัตโนมัติ ราคาเริ่มต้น 1,228,000 บาท, ไทรทัน แอทลีท รุ่นขับเคลื่อน 2 ล้อ ราคาประมาณที่ 1,130,000 บาท และ ไทรทัน แอทลีท รุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อ มีราคาประมาณการที่ 1,300,000 บาท โดยทั้ง 2 รุ่น คาดส่งมอบรถล็อตแรกได้ปลายเดือนกุมภาพันธ์ 2567
จุดเด่นของออลนิวไทรทัน แอทลีท คือ สมรรถนะ 204 แรงม้า จากเครื่องยนต์พัฒนาต่อจาก ไฮเปอร์พาวเวอร์ ชื่อ ไฮเปอร์พาวเวอร์ เอ็กซ์ทู ระบบเทอร์โบสองสเตจ (Two-stage Turbocharger) และระบบพวงมาลัยเพาเวอร์แบบไฟฟ้า (Electric Power Steering: EPS)
ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ เป็นอีกจุดเด่นของมิตซูบิชิ ต้องการสร้างความแตกต่าง ด้วย “ซูเปอร์ซีเล็คต์ โฟร์วีลไดร์ฟ ทู” (Super Select 4WD II) เอกลักษณ์ของมิตซูบิชิ มอเตอร์ส ให้ความโดดเด่นด้วยระบบขับเคลื่อน 4 ล้อฟูลไทม์ (Full-Time All Wheel Control) ซึ่งสามารถเปลี่ยนโหมดจากระบบขับเคลื่อน 2 ล้อ (2H) เป็นขับเคลื่อน 4 ล้อแบบฟูลไทม์ (4H) ได้ทันทีแม้ในขณะที่รถกำลังเคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูง (Shift-on-the-Fly)ให้ความปลอดภัยในขับขี่คล่องตัว
พร้อมด้วย 7 โหมดการขับขี่ ได้แก่ โหมดปกติ (Normal), โหมดประหยัดเชื้อเพลิงและรักษ์โลก (Eco), โหมดขับขี่บนทางลูกรังหรือทางฝุ่น (Gravel), โหมดขับขี่บนพื้นหิมะหรือขณะฝนตกผิวถนนเปียกลื่น (Snow), โหมดขับขี่ลุยโคลนหรือผิวทางที่เหนียวลื่น (Mud), โหมดขับขี่ตะลุยทรายหรือผิวทางที่ดินร่วน (Sand), โหมดไต่หินหรือขับขี่บนผิวทางที่เป็นหินขรุขระ (Rock) และระบบควบคุมการขับเคลื่อนและสมดุลขณะเข้าโค้ง (Active Yaw Control: AYC)
เพิ่มสิ่งอำนวยความสะดวกในโลกดิจิตอล ด้วยเทคโนโลยีเทเลมาติกส์ (Telematics) เชื่อมต่อข้อมูลระหว่างเจ้าจของและรถยนต์ ในชื่อ “มิตซูบิชิ คอนเนค” (MITSUBISHI CONNECT) ติดตั้งในออล-นิว ไทรทัน แอทลีท ทั้งในรุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อ และขับเคลื่อน 2 ล้อ รวมถึง ออล-นิว ไทรทัน ดับเบิ้ล แค็บ ขับเคลื่อน 4 ล้อ อัลตร้า เกียร์อัตโนมัติ สามารถรองรับได้ทั้งระบบ iOS และ Android โดยเชื่อมต่อผ่านแอปพลิเคชัน “My MITSUBISHI CONNECT” เพื่อช่วยอำนวยความสะดวกในสั่งการตัวรถได้แบบไร้สายจากระยะไกล ใช้งานง่าย
ระบบนี้สามารถเปิดระบบปรับอากาศภายในห้องโดยสารได้จากระยะไกล การล็อกและปลดล็อกประตูรถ การค้นหาตำแหน่งที่อยู่ของตัวรถ การเปิดไฟส่องสว่าง และการกดแตรรถ นอกจากนี้ยังสามารถตรวจสอบข้อมูลสถานะตัวรถ เช่น ระดับน้ำมันคงเหลือและระยะทางที่วิ่งต่อได้ ความดันลมยาง มีฟังก์ชันความปลอดภัยอื่นๆ อาทิ บริการช่วยเหลือบนถนน (Roadside Assistance) การแจ้งอัตโนมัติเมื่อเกิดอุบัติเหตุ การช่วยเหลือเมื่อรถถูกโจรกรรม (Stolen Vehicle Assistance) และอุ่นใจตลอดเส้นทางด้วยระบบขอความช่วยเหลือฉุกเฉิน SOS ผ่านตัวรถ (e-call)
แน่นอนเปิดตัวรถกันในช่วงนี้ ต้องไปเจอตัวจริงกันในงาน “มหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 40” หรือ “MOTOR EXPO 2023” ระหว่างวันที่ 30 พ.ย. – 11 ธ.ค. 2566 ณ อิมแพค ชาเลนเจอร์ 1 – 3 เมืองทองธานี