ฮอนด้า ส่งออลนิว แอคคอร์ด เขย่าตลาดโค้งสุดท้ายปลายปี2566 หวังทำยอดเดือนละกว่า 500 คัน มั่งใจรูปทรงหน้าตาใหม่ ดีไซน์สปอร์ตสะท้อนความหรูหราทั้งภายนอกและภายใน เน้นทำตลาดเฉพาะเครื่องยนต์ไฮบริดในทุกๆ เกรด จะช่วยกระตุ้นความต้องการกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย พร้อมปรับยืดแผนทำตลาดรถพลังงานไฟฟ้า 100% หรือ BEV ระบุโครงสร้างพื้นฐานระบบชาร์จไฟฟ้ายังไม่พร้อมให้ความสะดวกในการใช้งานของผู้บริโภคส่วนใหญ่
นายฮิเดโอะ คาวาซากะ ประธานกรรมการบริหารและซีอีโอ บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ออลนิว ฮอนด้าแอคคอร์ดใหม่ จะสามารถบรรบุเป้ายอดขายที่ปีละ 6,000 คัน หรือ 500 คันต่อเดือนได้ พร้อมส่งสัญญาณตัวเลขยอดขายรถยนต์ร่วมทั้งปี 2566 อยู่ที่ 840,000 คัน ซึ่งฮอนด้า ออโต้โมบิล น่าจะรักษาตัวเลขยอดขายราว 100,000 คันในปีนี้ได้
ออลนิว แอคคอร์ด มีด้วยกัน 3 เกรด ประกอบด้วย รุ่น e:HEV E ราคา 1,529,000 บาท รุ่น e:HEV EL ราคา 1,669,000 บาท และรุ่น e:HEV RS ราคา 1,799,000 บาท ราคาดังกล่าวมาพร้อมแคมเปญฟรีประกันภัย 1 ปี ฟรีรับประกันอายุการใช้งานแบตเตอรี่ไฮบริดถึง 10 ปี และรับประกันระบบไฮบริดทั้งระบบ 5 ปี ไม่จำกัดระยะทาง อีกทั้งฟรีแพ็กเกจเช็กระยะ ค่าแรง ค่าอะไหล่ 5 ปี หรือ 100,000 กม. และฟรี Honda Ultimate Care ขยายการรับประกันคุณภาพรถยนต์ใหม่และบริการช่วยเหลือฉุกเฉินบนท้องถนน 24 ชั่วโมง อีก 2 ปี หรือ 40,000 กม. กับข้อเสนอดอกเบี้ย 2.29%
ทั้งนี้ฮอนด้า ให้ความสำคัญกับการทำตลาดในประเทศไทย โดยมุ่งเน้นที่รถยนต์ไฮบริดเป็นหลัก เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้ากลุ่มใหญ่ ดังจะเห็นได้จากสัดส่วนของการขายรถยนต์ไฮบริดที่มากที่สุดในกลุ่มยานยนต์ไฟฟ้า (xEV) ในตลาดรถยนต์รวมในประเทศไทย
“การเปิดตัว ฮอนด้า แอคคอร์ด อี:เอชอีวี ใหม่ ในครั้งนี้ จะมีส่วนสำคัญในการตอกย้ำความเป็นผู้นำของฮอนด้าในตลาดยานยนต์ไฟฟ้าให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น อีกทั้งสะท้อนถึงบทบาทสำคัญในการผลักดันเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยในภาพรวม สร้างมูลค่าเพิ่มทั้งในด้านการจ้างงาน และด้าน Supply Chain ตั้งแต่ต้นน้ำสู่ปลายน้ำ อีกทั้งเป็นเครื่องยืนยันให้เห็นถึงจุดแข็งด้านคุณภาพการผลิต และความเชื่อมั่นของรถที่ผลิตในไทยที่ได้มาตรฐานระดับเดียวกับฮอนด้าทั่วโลกได้เป็นอย่างดี”นายฮิเดโอะ คาวาซากะกล่าว
ในประเด็นการทำตลาดรถพลังงานไฟฟ้าในประเทศไทยนั้น นายฮิเดโอะ คาวาซากะ กล่าวว่า ยังคงอยู่ในแผนที่ต้องดำเนินการ แต่ยังบอกไม่ได้ว่าจะเริ่มเมื่อใด เพราะปัจจุบันฮอนด้ามองว่า สถานีชาร์จไฟฟ้า ในประเทศไทย ยังมีปริมาณไม่ครอบคลุมการใช้งานของผู้บริโภค เพราะฉะนั้นในสถานการณ์นี้ เครื่องยนต์ไฮบริด ซึ่งเป็นรถยนต์ที่มีความเหมาะสมกับการใช้งานที่สะดวกต่อการเดินทาง มีความเหมาะสมมากกว่า อีกทั้งฮอนด้ามีความโดดเด่นในเรื่องการผลิตรถยนต์ ที่ให้สมรรถนะ และความประหยัด บนพื้นฐานใช้งานได้อย่างคล่องตัว
สำหรับแบตเตอรี่ไฮบริด ที่นำมาติดตั้งในรถยนต์ฮอนด้าทุกๆ รุ่น เป็นการนำเข้า จากประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเพียงพอต่อกำลังการผลิตในประเทศไทย ในขณะที่ระบบการจัดการสำหรับแบตเตอรี่ไฮบริดใช้แล้วนั้น ฮอนด้าประเทศไทยสามารถจัดเก็บไว้รองรับมากถึง 5 ปี และหลังจากนั้นจะเตรียมขั้นตอน และวิธีการกำจัดต่อไป
